เห็นประชาชนจะเรียกกันว่าเสื้อสีอะไรก็ตามแต่เถิด ออกไปราบ ๑๑ เพื่อให้กำลังใจนายกฯ คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และแสดงออกถึงความประสงค์ที่จะได้บ้านเมืองอันสงบสุข ปกป้องสถาบันเบื้องสูงจากการจาบจ้วงล่วงละเมิด เลยเถิดถึงหวังโค่นล้ม ของขบวนการกบฎไพร่เสื้อแดง สมุนในต่อมลูกหมากของทักษิณ ชินวัตร แล้วก็ชื่นใจระคนเป็นห่วง

เพราะในสถานการณ์เช่นนี้ อะไรก็เกิดขึ้นได้ และเป็นได้ไม่ยากหากแดงอันธพาลจะยกพวกมีรุมตี เหมือนเหตุการณ์ที่แล้ว ๆ มา หรือส่งแนวร่วมงานอาวุธหนักมาแจก เอ็ม ๗๙ เอ็ม ๑๖ สักตู้มสองตู้มประกอบแสงเสียงก็ไม่ยากนัก แม้ระยะนี้อยู่ระหว่างเก็บตัว หลังเปิดหน้าเมื่อเหตุการณ์ ๑๐ เมษา “แดงฆ่าเขียว แดงฆ่าแดง”

ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ เพราะที่เห็นหน้าค่าตาผ่านจอทีวีและภาพข่าว ไม่น้อยที่คุ้นหน้ามาแต่คราวชุมนุม ๑๙๓ วัน รวมถึงการเคลื่อนไหวอื่น ๆ ระยะหลัง และไม่น้อยที่เป็น “คนใหม่ ๆ” ที่ไม่ไหวจะทนต่อขบวนการกบฎไพร่แดง

และ แว้บนึงที่เห็น “วีระ สมความคิด” ปรากฎในกลุ่มผู้แสดงออกก็ให้รู้สึกเป็นกังวลอีกหลาย ๆ เท่า

เพราะเหตุแห่งที่มา เหตุแห่งพฤติการณ์ บทเรียนต่าง ๆ ในระยะอันใกล้ สดกรุ่น แต่น้อยคนจะรู้

ประการหนึ่ง ชาวนาบางคนไม่ชอบไถดำ แต่จะปรากฎตัวก็เมื่อข้าวรวงเหลืองพร้อมเก็บเกี่ยว เป็นนักเอาหน้า นักฉวยโอกาสตัวยง จะออกมาสวมรอยก็เมื่อคนอื่นเขาลงแรงไประดับหนึ่งแล้ว ต่อเมื่อเรื่องนั้นจุดติด เป็นกระแสแล้ว

ประการหนึ่ง มีเสียงเล่าลือในวงการ “ค้าคอร์รัปชัน” ว่า มือกระบี่ผมขาว ผู้เสาะแสวงค้นขุดการโกงทั่วทั้งตงหยวน นั้น แท้จริงแล้วถุงเงินที่ได้รับการสนับสนุนจากชาวบ้านผู้ศรัทธา “มีกลิ่น” อย่างรุนแรง

ประการหนึ่ง ในวงการข่าวกรอง ต่อเหตุการณ์ปะทะใกล้เขาพระวิหารเมื่อปีกลาย พาชาวบ้านไปบาดเจ็บสูญเสีย นั้น มีการรับงานและรับเงิน จากสองแหล่งสองทาง ทางหนึ่งคือ นายพล “ของฝากนักกอล์ฟ” ที่สนิทชิดเชื้อกันอย่างยิ่ง อดีตเป็นเพื่อนเหลือง ปัจจุบันเป็นข้าไพร่แดง นายพลผู้นี้ ในทางการข่าว มีส่วนเกี่ยวข้องกับ “เสธ. หางแดง” และ “นายพลเฒ่าผู้มีทรงผมเป็นรูปจิ๋ม” ในปฏิบัติการและกองกำลัง “ไอ้โม่ง” เล่นกิจกรรมแสงเสียง สถานที่สำคัญรอบกรุงเทพ และเหตุการณ์ ๑๐ เมษา

ทางหนึ่ง รับงานรับเงินจาก “บักน้ำตาลทราย” ที่เคยร่วมมือกับ “กักขฬะที่ตายแล้ว” ยกระดับราคาน้ำตาลทรายเฉียดเท่าตัวเพียงชั่วข้ามคืน

ประการหนึ่ง คราวที่อดีต “เพื่อนฮุน” จะเหยียบพระวิหารเมื่อล่า สุดยอดวีรบุรุษพากำลังชาวบ้านไปปักหลักที่ปราสาทร้างอีกแห่ง โดยปราศจากการสนับสนุนจาก “ผู้นำทั้งห้า” และ “ทีวีของประชาชน” เมื่อกลับมาพร้อมความเดือดในกระแสเลือด ก็บุกไปด่า “ประมุขลิ้ม” ถึงห้องทำงาน แล้วถอนรายการ “ตรวจสอบ อบต.” ของตัวเองออกไป

เหตุนี้จึงเป็นความเป็นห่วงกังวล กอปรกับชาวบ้านจำนวนไม่น้อยอยู่ในภาวะเหลืออดเหลือทนกับไพร่แดง จุดเดือดอาจถูกลดทอนลงต่ำ แม้ไม่ประสงค์จะคาดการณ์ว่า “รับงาน” มาพาประชาชนไปสู่ความรุนแรง แต่ด้วยนิสัยมุทะลุดุดัน กร่าง ก้าวร้าว (แล้วหลบหลัง) สุ่มเสี่ยงอย่างยิ่งจะนำพาประชาชนไปสู่เหตุการณ์ที่ใครก็ไม่อยากเห็น

จึงเตือนมาด้วยความเป็นห่วงเป็นใย

(ลงชื่อ) อำมาตย์เน