ถกประเด็นพระวิหาร MOU43 ที่ช่อง ๑๑
วานนี้คงได้ติดตามชมการถ่ายทอดสดรายการพิเศษถกเรื่องพระวิหาร MOU43 ระหว่างคณะภาคประชาชนผู้มีความเป็นห่วงเป็นใยต่อดินแดนและอธิปไตยของชาติ กับคณะของนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ช่อง ๑๑ กันแล้วนะครับ ในฝ่ายภาคประชาชนประกอบด้วย ศ.ดร.สมปอง สุจริตกุล อดีตทนายผู้ประสานงานคดีปราสาทพระวิหาร พ.ศ. ๒๕๐๒-๒๕๐๕ มีความเชียวชาญชำชองในกฎหมายระหว่างประเทศ เคยดำรงตำแหน่งสำคัญหลายอย่างที่เกี่ยวเนื่องกับองค์กรระหว่างประเทศ ทั้ง UN UNESCO และอื่น ๆ คุณปานเทพ พัวพงษ์พัน โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย อ.เทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระ และวีระ สมความคิด
ก่อนวันถ่ายทอดสด เจ๊หน่อยและผมต้องไปที่ศูนย์เยาวชนไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ตอนเย็น ๆ เพื่อเตรียมประเด็นที่จะนำเสนอ มีผู้ใหญ่หลายท่านในนั้นที่ร่วมหารือกัน รายละเอียดข้ามผ่านนะครับ
เมื่อวาน (๘ สิงหาคม) ตอนเช้าก็ไปกันที่สถานีโทรทัศน์ ช่อง ๑๑ วิภาวดี ขลุกขลักวุ่นวานอยู่พอสมควรเพราะคุณอภิสิทธิ์มาออกรายการประจำวันอาทิตย์ ประกอบกับมีรายการถกเรื่องประเด็นที่ว่าก็เลยเต็มไปด้วยกองทัพนักข่าว ทั้งความขลุกขลักจากการที่ฝ่ายรัฐและ/หรือช่อง ๑๑ ไม่ได้ตระเตรียมสถานที่ไว้ให้เราเลย ถามหาว่ามีห้องรับรองว่างหรือไม่เพื่อจะได้มีที่สงบในการปรึกษาสรุปรอบสุดท้าย หายไปครู่นึงก็ได้คำตอบว่าห้องเต็ม (..?)
ก็อาศัยห้องทำการของตำรวจที่อยู่รักษาความปลอดภัยเป็นที่นั่งคุย พักนึ่งตำรวจที่ประจำก็ยกห้องให้เราใช้เป็นห้องรับรองจำเป็น ขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ นักข่าวแวะเวียนกันมาทีละเยอะ ๆ เพื่อเก็บภาพ ซึ่งก็เข้าใจได้ แต่ความสงบหายไปจนต้องขอปิดห้อง
แต่แล้วความวุ่นวายก็มีมาเป็นระยะ ๆ เหตุหนึ่งมาจาก ศิริโชค โสภา ในตำแหน่งวอลล์เปเปอร์และสมาชิกแกงค์ไอติมของนายกฯ เข้ามาในท่าทีว่าฝ่ายประชาชนมีข้อมูลอะไรบ้าง ถามโน่นนี่นั่นกับอาจารย์ปานเทพ และหม่อมหลวงวัลย์วิภา จริงอยู่ว่าข้อมูลทั้งหมดที่เตรียมมาไม่ใช่ประเด็นลับอะไรเพราะเปิดเผยผ่านสาธารณะมาแล้วหลายครั้ง แต่วิธีการแบบนี้เสียมารยาทอย่างมาก รบกวนการตระเตรียมของภาคประชาชน
ที่แย่สุดคือมารยาท บุคลิกขณะเข้ามายังห้อง ที่เป็นได้ด้วยตัวเองหรือไม่ได้รับการสั่งสอนก็ไม่ทราบได้ ที่เข้ามาก็ยืนเอามือล้วงกระเป๋าด้วยมาดที่ไม่รู้เด็กไม่รู้ผู้ใหญ่ ซ้ำยืนค้ำหัวผู้อวุโส ศ.ดร.สมปอง ไปมา จะว่าเก่งทุกเรื่องแสนรู้ไปทุกเรื่อง เป็นคนสนิทนายกฯ จึงขนพองก็ไม่ทราบได้ คุยกับอ.ปานเทพ ครู่ใหญ่ก็ลงมานั่งข้าง ม.ล.วัลย์วิภาย์ ถามโน่นนี่นั่นจนคณะแทบไม่ได้คุยสรุปอะไรกันเลย จนผมต้องลุกไปหาแล้วตบที่แขนเบา ๆ บอกกล่าวด้วยภาษาใต้ว่าให้ออกไปก่อน ขอความเป็นส่วนตัวจะคุยสรุปกัน และ ที่ยืนค้ำหัว ศ.ดร. สมปอง ท่านเป็นผู้ใหญ่ เสียมารยาทมาก ..รับคำแต่ก็อยู่คุยอีกครู่จนต้องส่งสายตา
ครู่หนึ่ง รศ.ดร. ปณิธาน วัฒนายากร ก็เข้ามาอีกราย บุคลิกของคนรัฐบาลชุดนี้แทบจะไม่ต่างกันเลย เห็นจะมีแต่คุณองอาจ คล้ามไพบูลย์ ที่มีความอ่อนน้อม ..ความวุ่นวายของห้องรับรองเฉพาะกิจไม่จบง่าย ๆ แต่ยาวไปก็รายละเอียดยุบยิบเกินจำเป็น ที่สุดท้ายประตูห้องนั้นก็พังลงมา เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยต้องมาหามประตูออกไป
ใกล้ ๆ สิบโมงก็ย้ายเข้าไปในห้องส่ง เตรียมความพร้อมกันครู่หนึ่ง ลำดับประเด็นที่นายกฯ “กำหนดเกม” ไว้ ภาพบรรยากาศในห้องส่งก่อนและระหว่างออกอากาศ ผมเก็บภาพมาฝากด้านล่างครับ
เวทีถกครั้งนี้คาดหมายได้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่า นายอภิสิทธิ์จะใช้เป็นเวทีแก้ต่างและพูดเอาคะแนน “รู้แล้ว ทำแล้ว และกำลังทำ” ทั้งที่ปล่อยปละละเลยจนเวลาล่วงมาปีกว่า ใช้ลีลาการ “ปลิ้น” เอาคะแนนใส่ตัว และที่น่ารังเกียจที่สุด (มีใครคนหนึ่งบอกไว้ล่วงหน้าแล้วอย่างกะตาเห็นว่าจะมาไม้นี้) คือ ยกเอาพระราชดำรัสในสองกรณีปิดท้าย เพื่อซุกความขี้ขลาดตาขาวและไม่เอาไหนของตัวเองจบกันไปแบบตีหัวเข้าบ้าน
ที่คาดหมายได้อีกประการคือ ไม่ว่าอย่างไรนายอภิสิทธิ์ก็จะกอด MOU43 ฉบับนี้ไว้สุดชีวิต พร้อมแจงคุณประโยชน์หรือข้ออ้างที่เพิ่งค้นพบใหม่สด ๆ ร้อน ๆ (อีกอย่าง) หลังการประชุมที่บราซิล และอย่างไรก็ไม่รู้ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป แต่ที่ชัดเจนคือเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็จะไม่ใช้กำลังผลักดัน
ก็เข้าใจได้ครับว่าเวลาของรัฐบาลเหลือน้อย สำนึกรักชาติเทียบกับประโยชน์ตัวเองก็น้อยยิ่งกว่า ปล่อยปัญหา ยืดเวลาออกไป สุดท้ายก็พ้นตำแหน่ง ตีปีกพั่บ ๆ ออกจากปัญหายุ่งยาก ที่ต้องอาศัยความกล้าหาญ เข้มแข็ง ..สิ่งซึ่งนายอภิสิทธิ์ไม่เคยมี นอกเสียจาก..น้ำลาย!!
One Response to ถกประเด็นพระวิหาร MOU43 ที่ช่อง ๑๑
9 August 2010 at 13:55
ห้องรับรองก็ไม่มีเตรียมให้ แสดงว่าเค้าไม่ได้ให้ความสำคัญ แถมไม่ให้เกียรติด้วยซ้ำ แล้วบอกว่าเรามาช่วยกันแก้ปัญหา มาทำงานร่วมกัน น่าเกลียด ทุเรส!!
ไม่เคยคิดที่จะแก้ปัญหาเชิงรุกเลย
รายการจบแบบงงๆ
อยู่ดีๆก็นำพระบรมราโชวาทมาปิดท้ายซะงั้น
มามาดพระเอกอีกตามเคย น่าคู่โน๊ต อุดมแต้นะคะ